วัตถุประสงค์ของการศึกษา Reliability Availability and Maintainability หรือ RAM คือ การศึกษาความน่าเชื่อถือของระบบ ความสามารถในการคงอยู่ของระบบ และความสามารถในการคงสภาวะของระบบ สามารถสรุปข้อดีได้ดังต่อไปนี้
- สามารถลดงานซ่อมแซมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตหรือเกิดขึ้นโดยไม่ได้วางแผนไว้ โดยการออกแบบให้อุปกรณ์มีค่าความน่าเชื่อถือที่สูง
- สามารถลดระยะเวลาเพื่อการหยุดซ่อมแซม โดยการเพิ่มความสามารถในการคงสภาวะของระบบไว้ให้ดำเนินงานได้ถึงช่วงเวลาที่เหมาะสม นั้นคือลดปัญหาที่อาจจะเกิดระหว่างที่ทำงานอยู่
- การเพิ่มขึ้นของความน่าเชื่อถือของระบบ จะสามารถประหยัดค่าใช้ง่ายในส่วนอื่นๆเพิ่มเติม เช่น ค่าแรงคนงาน ค่าเสียโอกาสที่ระบบทำงานไม่ได้
ความน่าเชื่อถือของระบบ Reliability
ความสัมพันธ์ของความน่าเชื่อถือของระบบหรือความสามารถในการอยู่รอดได้ของระบบ จะเกี่ยวข้องกับความสามารถในการลดความถี่ในการเสียหายของระบบตลอดอายุการใช้งาน โดยค่าดังกล่าวจะคำนวณมาจากความสัมพันธ์ของ อัตราการเสียหาย Failure rate ของอุปกรณ์นั้นกับระยะเวลาที่ต้องการจะศึกษา หรือจากฟังก์ชั่นเลขยกกำลังของสัดส่วนระหว่างเวลาที่ต้องการจะศึกษากับระยะเวลาเฉลี่ยของการเสียหาย

ไดอะแกรมความน่าเชื่อถือ Reliability Block Diagram (RBD)
ไดอะแกรมความน่าเชื่อถือ Reliability Block Diagram หรือ RBD คือเครื่องมือที่สำคัญของงานวิศวกรรมทางด้านความน่าเชื่อถือของระบบในการนำเสนอความสัมพันธ์ของหน่วยย่อยต่างๆ และการคำนวณหาความน่าเชื่อถือของระบบ
โดยหลักการพื้นฐานของไดอะแกรมความน่าเชื่อถือ Reliability Block Diagram หรือ RBD คือ ในการพิจารณาถึงระบบใดๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กแค่ไหน นั้นคือทุกระบบจะมีสภาวะอยู่สองแบบเท่านั้น นั้นคือ ประสบความสำเร็จ กับไม่ประสบความสำเร็จหรือเสียหายเท่านั้น ถัดจากนั้นจะพูดถึงลักษณะความสัมพันธ์ของหน่วยย่อยต่างๆ ซึ่งก็แบ่งออกเป็นสองลักษณะใหญ่ๆ คือ สัมพันธ์แบบอนุกรมกับสัมพันธ์แบบขนานดังรูปข้างล่าง


ความสัมพันธ์ทั้งสองแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบอนุกรมหรือแบบขนาดของ RBD นั้นสามารถเปรียบเทียบการชี้บ่งอันตรายแบบอื่น เช่น การวิเคราะห์ความเสียหายของระบบแบบต้นไม้ Fault Tree Analysis หรือ FTA ตามรูปข้างล่าง เช่น


ความแตกต่างระหว่างการศึกษาความน่าเชื่อถือของระบบด้วย RBD กับการศึกษาความเสียหายของระบบด้วยวิธีต้นไม้ Fault Tree Analysis หรือ FTA คือ ในการเขียนความน่าเชื่อถือของระบบ เราพิจารณาว่าระบบจะมีความสามารถที่ประสบผลสำเร็จเท่าไร แต่กับการแสดงค่าของการศึกษาความเสียหายของระบบด้วยวิธีต้นไม้ Fault Tree Analysis จะแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของแต่ละเหตุการณ์ที่ระบบจะไม่ประสบความสำเร็จหรือเสียหาย
สมการการคำนวณค่าความน่าเชื่อถือของระบบต่อความสัมพันธ์ของหน่วยย่อยต่างๆ สามารถแสดงได้ดังต่อไปนี้

โดยทั่วไปค่าที่ใช้ในการแสดงความน่าเชื่อถือ คือ ความหนาแน่นของความน่าจะเป็นของอุปกรณ์ที่จะหยุดทำงาน หรือ Probability density function หรือ pdf โดยสำหรับอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้งานในอุตสาหกรรมน้ำมันกับก๊าซหรือปิโตรเคมี ค่าความหนาแน่นของความน่าจะเป็นของอุปกรณ์จะกระจายตัวแบบยกกำลังหรือ exponential density distribution หรือก็คือค่าอัตราการเสียหาย failure rate เป็นค่าคงที่
สมมุติตัวอย่าง จากตัวอย่างของระบบที่มีค่าเฉลี่ยของเวลาที่อุปกรณ์จะเสียอยู่ที่ 700 ชั่วโมง ค่าความน่าเชื่อถือของระบบที่ชั่วโมง 350 จะเป็นเท่าไร

จากรูปข้างบนความน่าเชื่อถือที่ชั่วโมงที่ 350 หาได้จากพื้นที่ใต้กราฟ หรือคำนวณจากสมการ R = exp(-350/700) หรือเท่ากับ 0.61

Failure Rate
Failure Rate หรืออัตราการล้มเหลวถือเป็นค่าพื้นฐานที่ใช้ในการคำนวนค่า Reliability หรือ Probability of Failure ที่เกี่ยวกับ Reliability Engineering

การวิเคราะห์ความเชื่อมั่น Reliability Analysis
บทความนี้จะกล่าวถืง ค่าความน่าเชื่อถือ reliability ในเชิงสถิติศาสตร์ พร้อมทั้งตัวอย่างการคำนวน

Mean Time To Failure (MTTF)
ค่า Mean Time To Failure หรือ MTTF เป็นค่ามีความสำคัญมากใน Reliability Engineering บทความนี้จะอธิบายนิยามของ MTTF

Reliability Block Diagram (RBD)
Reliability Block Diagram หรือ RBD เป็นวิธีการหาค่าความน่าเชื่อถือของระบบที่เกิดจากการนำ component หลายๆตัวมาร้อยเรียงกันตามความสัมพันธ์ ซึ่งบทความนี้จะแสดงตัวอย่างการคำนวน

Markov Modeling
Markov Modeling เป็นวิธีการสร้างวิธีการหาค่าโอกาสที่ระบบจะเสียหาย หรือ Probability of Failure ที่เปลี่ยนแปลงสูงชึ้นตามเวลาที่เพิ่มขึ้น failure rate และมีการเปลี่ยนแปลงที่มีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อได้ซ่อมบำรุง restore rate

Fault Tree Analysis (FTA)
อีกหนึ่งวิธีที่ใช้หา probability of failure (1-Reliability) ของระบบที่มีหลาย component ซึ่งวิธี Fault Tree Analysis นี้ยังสามารถประยุกต์ไปใช้ในการหา Route Cause Analysis (RCA) ได้เช่นกัน