Emergency Escape and Rescue Assessment (EERA)

EERA หรือ Emergency Escape and Rescue Assessment เป็นการประเมิน ความสามารถของผู้ปฎิบัติงานสามารถหลบหนีและอพยพออกจากสถานที่อย่างปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน โดยส่วนใหญ่จะใช้ในสถานที่ผลิตน้ำมันและก๊าซนอกชายฝั่ง Offshore Production Platform

ขั้นตอนการศึกษา Emergency Escape and Rescue Assessment (EERA)

1. ขั้นตอนการชี้บ่งอันตรายที่จะต้องทำการอพยพ (Identify Hazards)

ขั้นตอนแรกในการศึกษา EERA คือการหาอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับงาน โดยถ้าเป็นงาน Offshore Operation ข้อมูลอันตรายจะสามารถหาได้จาก HAZID, QRA, หรือ HAZOP โดยมีอันตรายเช่น

  • Jet Fire
  • Flash Fire
  • Smoke
  • Toxic Gas Dispersion
  • Vapor Cloud Explosion

โดยในการวิเคราห์อันตรายต่างๆข้างต้น สามารถนำข้อมูลจากการศึกษา Fire and Explosion Analysis (FERA) เข้ามาใช้ประกอบในการวิเคราะห์ เพราะข้อมูลวิเคราะห์ดังกล่าวจะมีข้อมูลของระบบที่สร้างอันตราย Isolation Section และเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (impairment criteria) กับอุปกรณ์ EER ต่างๆ เช่น เกณฑ์ค่าการรับรังสีความร้อน Thermal Radiation เกณฑ์ค่ารับแรงระเบิด Explosion เป็นต้น

2. ระบุจำนวนผู้ทำงาน (Personnel Distribution)

ระบุจำนวนผู้ทำงาน และตำแหน่งที่ผู้ทำงานอยู่ในขณะเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น

  • ช่วงทำงานกลางวันปกติ
  • ช่วงทำงานในตอนกลางคืน
  • ช่วงงานซ่อม

3. วิเคราะห์เส้นทางหลบหนี (Analysis Escape Route)

หรือการวิเคราะห์ผลกระทบต่อเส้นทางหลบหนี Escape Rote Impairment Assessment สามารถทำได้โดยนำเส้นทางอพยพแต่ละชั้นการทำงาน เช่น Helideck, Control Access Deck, Main Deck, Cellar Deck, and Boat Landing Deck มาเทียบความเข้มข้นหรือผลกระทบ Impact dose จากอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นในข้อ 2. เปรียบเทียบดูว่า ค่าเกินกว่าเกณฑ์ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (impairment criteria) กับอุปกรณ์ EER ต่างๆ หรือไม่

4. วิเคราะห์จุดอพยพชั่วคราว และจุดรวมพลด้วย Muster Location Impairment Assessment

โดยในวิเคราะห์กับจุดอพยพชั่วคราว และจุดรวมพลด้วย Muster Location Impairment Assessment จะทำคล้ายๆกับการวิเคราะห์เส้นทางหลบหนี (Analysis Escape Route)

5. วิเคราะห์เวลาในการหลบหนีและอพยพ (Escape and Evacuation Duration)

ก่อนที่เราจะทำการวิเคราะห์เวลาในการหลบหนี เราจะต้องทำการสร้างเกณฑ์ในการเคลื่อนที่แบบต่างๆ รวมถึงเวลาในการตอบสนองในขณะต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น

รายละเอียด ความเร็วเฉลี่ย (m/s)
เคลื่อนที่ในแนวราบ โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง สำหรับคนที่ภาพร่างกายปกติ1
เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง (บันได) โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง สำหรับคนที่ภาพร่างกายปกติ0.8
เคลื่อนที่ในแนวดิ่ง (บันไดลิง) 0.3
เวลาในการตรวจพบ (Detect) แล้วส่งสัญญาณเตือน2 min
เวลาที่คนเริ่มตอบสนอง (Reaction)1 min

ในส่วนการเลือกเส้นทางการหลบหนีเพื่อนำมาคำนวนเวลาในการการเคลื่อนที่ จะโดนเลือกจากเส้นทางที่ไกลที่สุดเพื่อให้ครอบคลุมกรณีศึกษาแบบต่างๆ เช่น

  • จากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไปที่จอดเรือ Helideck to Boat Landing
  • จากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ไปที่แพช่วยชีวิต Helideck to Life Raft

โดยกสรวิเคราะห์เวลาทั้งหมดจะทำโดยการรวมเวลาทั้งหมด เช่น เวลาในการตรวจพบแล้วส่งสัญญาณเตือน เวลาที่คนจะเริ่มตอบสนอง เวลาที่ผู้ปฏิบัติงานต้องใช้เพื่อทำให้ระบบปลอดภัย เวลาในการเคลื่อนที่จากจุดที่ทำงานไปยังจุดที่กำหนด เวลาในการรวมพล เวลาในการวิเคราะห์สถานการณ์ เวลาในการปล่อยเรือหรือแพอพยพ และเวลาในการอพยพ

6. วิเคราะห์ความพร้อมของระบบต่างๆ EER Adequacy ตาม Goal Assessment

ในการศึกษา EERA ต้องพิจารณาระบบต่างๆว่ามีความพร้อมหรือไม่ มี (Achieved) ถ้าไม่พร้อมหรือไม่มี (Not Appicable) ก็ต้องมีคำแนะนำเพิ่มเติม โดยมี Goal ต่างๆดังนี้

  • Goal 1: ตรวจสอบสัญญาญเตือนและการสื่อสาร Alarm and Communication เช่นระบบ Fire and Gas Detection System ที่จะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์ขนาดใหญ่พร้อมทั้งระบบส่งสัญญาณเตือนทั้งแบบเสียงและแบบแสงในทุกๆพื้นที่ทำงาน
  • Goal 2: ตรวจสอบความสามารถในการหลบหนี Escape เพื่อมั่นใจว่าผู้ปฏิบัติงานสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัย อย่างน้อยแล้วระบบควรจะมี
    • ทางหนีไฟสำรอง
    • ป้ายทางหนีไฟ ไฟฉุกเฉิน
    • เส้นทางหลบหนีมีความกว้างเพียงพอที่จะรองรับบุคลากรที่หลบหนีในเปลหาม
    • มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ช่วยหายใจในพื้นที่ที่มีแก๊สพิษ
    • เส้นทางหลบหนีจะต้องชัดเจนและปราศจากสิ่งกีดขวาง
  • Goal 3: ตรวจสอบความพร้อมของจุดรวมพล Muster โดยการวิเคราะห์ความพร้อมต้องแสดงให้เห็นว่าสถานที่รวมพลได้รับการออกแบบและดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยของบุคลากรในช่วงเวลาที่จำเป็นสำหรับกระบวนการอพยพให้เสร็จสิ้น ช่วงเวลานี้ประกอบไปด้วย
    • เวลาสำหรับการรวมพลทั้งหมดที่พื้นที่รวมพล
    • เวลาสำหรับการตรวจสอบบุคลากรที่ไม่รายงานตัวที่สถานีรวมพลที่กำหนด
    • เวลาสำหรับการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจ
  • Goal 4: ตรวจสอบความพร้อมของจุดอพยพชั่วคราว Temporary Refuge การวิเคราะห์ความพร้อมต้องแสดงให้เห็นว่า จุดอพยพชั่วคราว ได้รับการออกแบบและดำเนินการเพื่อรักษาความปลอดภัยของบุคลากรในช่วงเวลาจนกว่ากระบวนการอพยพจะเสร็จสิ้น ช่วงเวลานี้รวมถึงสิ่งต่อไปนี้
    • เวลาสำหรับการรวมพลทั้งหมดที่จุดอพยพชั่วคราว
    • เวลาสำหรับการตรวจสอบบุคลากรที่ไม่รายงานตัวที่ที่จุดอพยพชั่วคราว
    • เวลาสำหรับการประเมินสถานการณ์และตัดสินใจ
    • เวลาสำหรับการอพยพให้เสร็จสิ้น พิจารณาแผนสำรอง เวลาเผื่อสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด
  • Goal 5: ตรวจสอบความสามารถในการอพยพ Evacuation การวิเคราะห์ความพร้อมจะต้องมีวิธีการอพยพที่เพียงพอเพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถอพยพออกจากสถานที่ได้อย่างปลอดภัยเมื่อจำเป็น เป้าหมายนี้สอดคล้องกับการจัดเตรียมวิธีการอพยพ เช่น เรือช่วยชีวิต แพช่วยชีวิต บันไดเชือก และยานพาหนะสำหรับสถานที่บนฝั่ง เพื่อให้บุคลากรสามารถหลบหนีไปยังที่ปลอดภัยเมื่อจำเป็น
  • Goal 6: ตรวจสอบความสามารถในการช่วยเหลือ Rescue โดยการวิเคราะห์ความสามารถในการช่วยเหลือจะต้องประกอบไปด้วยหลายองค์ประกอบ เช่น
    • จำนวนและสภาพของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
    • เวลาที่ใช้ในการค้นหาและดำเนินการย้ายบุคลากร
    • ขีดจำกัดสภาพอากาศในการปฏิบัติงานและสภาพอากาศ
    • ความเสี่ยงต่อผู้ที่ถูกกู้ภัย
    • ความเสี่ยงต่อผู้ที่ทำการกู้ภัย

Escape Route Design

บทความนี้กล่าวถึงการออกแบบทางเส้นทางหลบหนี ไม่ว่าจะเป็นขนาด ความกว้าง ความสูง บันไดและอื่นๆ เพราะจะส่งผลสำคัญต่อเวลาในการอพยพจากจุดที่กำลังเกิดอันตรายไปยังจุดปลอดภัย

Service 2

$199

Navigating life’s intricate fabric, choices unfold paths to the extraordinary, demanding creativity, curiosity, and courage for a truly fulfilling journey.

Service 3

$199

Navigating life’s intricate fabric, choices unfold paths to the extraordinary, demanding creativity, curiosity, and courage for a truly fulfilling journey.